ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกเครื่องตัดด้วยเลื่อยสายพานแบบหนัก เซิ่งกงสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำด้านนวัตกรรมในอุตสาหกรรมไว้ได้ โดยการนำการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีล่าสุดมาใช้ในผลิตภัณฑ์ของตน นวัตกรรมเหล่านี้ตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมการผลิตสมัยใหม่ในด้านการทำงานอัจฉริยะ ความยั่งยืน การใช้งานได้จริง และความสามารถในการปรับตัว ทำให้เลื่อยสายพานแบบหนักของบริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีความหลากหลายในการทำงานสำหรับงานตัดในภาคอุตสาหกรรม
การรวมระบบตรวจสอบอัจฉริยะแบบเรียลไทม์
หนึ่งในแนวโน้มที่ซิงกงนำมาใช้คือการติดตั้งระบบตรวจสอบอัจฉริยะแบบเรียลไทม์ในเครื่องตัดสายพานหนักของบริษัท ระบบนี้จะตรวจสอบข้อมูลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การสึกหรอของใบเลื่อย อุณหภูมิขณะตัด และภาระมอเตอร์ จากนั้นส่งข้อมูลไปยังผู้ปฏิบัติงานผ่านอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย สิ่งนี้ช่วยให้สามารถระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้แต่เนิ่นๆ (เช่น ใบเลื่อยทื่อหรือเครื่องร้อนเกินไป) ก่อนที่จะทำให้เกิดการหยุดทำงาน ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรมที่กำลังเคลื่อนไปสู่การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์และการผลิตอัจฉริยะ
การนำเอารูปแบบการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานมาใช้
มีคุณลักษณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเครื่องเลื่อยสายหนักของบริษัท ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดการผลิตอย่างยั่งยืน เครื่องจักรของบริษัทใช้มอเตอร์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งใช้พลังงานน้อยกว่าโมเดลแบบดั้งเดิม และบางรุ่นมีระบบหมุนเวียนสารหล่อเย็นเพื่อลดของเสียจากของเหลวสำหรับตัด ดีไซน์ดังกล่าวไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ใช้งานลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานระยะยาว (รวมถึงค่าพลังงานและค่าของเหลว) ซึ่งหมายความว่าเครื่องเลื่อยเหล่านี้เป็นทางออกที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
การพัฒนาคุณสมบัติการร่วมมือระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร
เพื่อเพิ่มความสามารถในการใช้งาน เซิงกงได้พัฒนาการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรในเครื่องตัดเลื่อยสายพานแบบหนัก ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ถูกผลักดันเนื่องจากการทำงานที่ง่ายและปลอดภัยมากขึ้น เครื่องจักรเหล่านี้ยังมาพร้อมระบบควบคุมหน้าจอสัมผัสที่ใช้งานง่าย ทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงพารามิเตอร์ต่างๆ (เช่น อัตราการป้อนวัสดุหรือความเร็วในการตัด) ได้อย่างสะดวก และช่วยให้การสอนวิธีการใช้งานเครื่องแก่ผู้ปฏิบัติงานทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานร่วมกัน เช่น เซ็นเซอร์ที่สามารถปรับความเร็วในการตัดเมื่อมีผู้ปฏิบัติงานอยู่ใกล้บริเวณทำงาน รวมอยู่ด้วย เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน
การพัฒนาโครงสร้างแบบโมดูลาร์และสามารถปรับรูปแบบได้
แนวโน้มที่สำคัญอีกประการหนึ่งในอุตสาหกรรมนี้คือ การนำโครงสร้างแบบโมดูลาร์และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้มาใช้ในเครื่องตัดสายพานหนักของ Shengong ซึ่งการออกแบบนี้ยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆ (เช่น หัวตัดหรือที่รองรับวัสดุ) ได้อย่างง่ายดาย เพื่อปรับเครื่องให้เหมาะสมกับงานอื่น เช่น การตัดแผ่นโลหะที่หนาขึ้น หรือคานที่ยาวขึ้น แทนที่จะต้องซื้ออุปกรณ์เฉพาะทางหลายชนิด ธุรกิจต่างๆ จะสามารถนำเครื่องตัดสายพาน Shengong เครื่องเดิมกลับมาใช้ใหม่ได้ ทำให้อุปกรณ์มีความหลากหลายมากที่สุด และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นเนื่องจากสามารถปรับตัวให้เข้ากับความต้องการในการผลิตที่เปลี่ยนแปลงไป
สรุปได้ว่า สายพานหนักที่ผลิตโดย Shengong สะท้อนถึงแนวโน้มใหม่ด้านเทคโนโลยี ได้แก่ การตรวจสอบอัจฉริยะ การออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร และการใช้ระบบที่สามารถแยกส่วนได้ (modularity) นวัตกรรมทั้งหมดเหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความยั่งยืน และความยืดหยุ่นของเครื่องจักร ซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในอุตสาหกรรมยุคปัจจุบันได้โดยตรง สำหรับธุรกิจที่ต้องการซื้อเลื่อยสายพานหนักที่ทันสมัยที่สุด ผลิตภัณฑ์จาก Shengong นำเสนอแนวทางในอนาคตที่ผสานความสร้างสรรค์กับฟังก์ชันการใช้งานที่เป็นจริงเข้าไว้ด้วยกัน